วันพุธที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2556

Tennis เทนนิส...กับน้องๆออทิสติก…สำคัญอย่างไร

Tennis เทนนิส...กับน้องๆออทิสติกสำคัญอย่างไร
เขียนโดย...ชมพูนุท  คำแย้ม ( วท.บ.วิทยาศาสตร์การกีฬา)

เทนนิส Tennis เป็นอีกหนึ่งกิจกรรม ที่มีความสำคัญกับน้องๆมาก  ดังนั้น ผู้ปกครองควรให้ความสำคัญกับลูกๆของเราในการเล่นเทนนิสเพื่อพัฒนาการทางร่างกาย  จิตใจ  อารมณ์  สังคมที่ดีขึ้น

เทนนิส Tennis เป็นกีฬา ที่มีการเล่นเฉพาะตัวที่สนุกสนานมากๆ  มีอุปกรณ์ที่ใช้ คือ ไม้เทนนิส+ลูกเทนนิส+สนามเทนนิส+ผู้เล่น 2 คนขึ้นไปจะเห็นได้ว่า มีลักษณะการเล่นที่ต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา และยังได้มีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นอีกด้วย

เพราะฉะนั้นจำเป็นอย่างยิ่ง ถ้ามีโอกาสลองพาลูกของคุณมาทำความรู้จักกับกีฬาเทนนิสดูนะคะอย่าคิดว่า  ลูกเราทำไม่ได้ ยากจังแท้จริงแล้ว..น้องๆทุกคนสามารถเรียนรู้ได้

เทนนิส Tennis เป็นกีฬาทีช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อมัดใหญ่ มัดเล็ก อีกทั้งฝึกสมาธิอยู่ตลอดเวลาฝึกการใช้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆในการทำงานร่วมกันฝึกการทำงานของสมอง ประสาทสัมผัสระหว่าง ตา-มือ-เท้า ให้ดีมากยิ่งขึ้นและที่สำคัญจะมีกระบวนการคิดที่เป็นระบบมากขึ้น หมายถึง  น้องๆต้องวางแผน คิดเป็นขั้นตอน ยกตัวอย่างเช่น  การเสิร์ฟน้องๆจะต้องรู้ว่า  การเสิร์ฟ มีการจัดท่าทางอย่างไร  ต้องยืนเสิร์ฟตรงจุดไหน  ต้องโยนบอลอย่างไร  ต้องโยนบอลสูงประมาณไหน จึงจะสามารถเสิร์ฟข้ามตาข่าย
เพราะฉะนั้น จะเห็นได้ว่า  กระบวนการคิดเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้  ควรจะมีการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง รับรองได้ว่าน้องๆจะต้องมีพัฒนาการทางร่างกาย  จิตใจ  อารมณ์  สังคมที่ดีขึ้นอย่างแน่นอน


สุดท้าย  ไม่ว่าคุณจะเป็นใครก็ตาม
กีฬา ก็เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่เราจะขาดมันไม่ได้  รู้อยู่แล้วว่าออกกำลังกายแล้วมีประโยชน์อย่างไร  แต่ไม่ปฏิบัติไม่มีเวลา คุณเคยคิดหรือไม่ว่าถ้าร่างกายไม่แข็งแรง ก็คงไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพได้อย่างแน่นอน

ป้องกันไว้ก่อนด้วยการออกกำลังกาย
ก่อนที่จะไม่สบายต้องไปพบหมอ….t train tennis  ครูกุ๊ก

โปรดติดตาม     เล่าเรื่องจากเรื่องจริง(ของเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง)
                              ผู้ปกครองควรติดตาม



วันอังคารที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2556

กีฬาเทนนิสบำบัด สำหรับเด็กออทิสติก..ตอน 2

กีฬาเทนนิสบำบัด
สำหรับเด็กออทิสติก

เป็นกิจกรรมกีฬาที่ฝึกประสาทสัมผัสอวัยวะตา-มือ(hand-eye)ทักษะการเคลื่อนไหวในลักษณะท่าตีประเภทต่างๆ   การฝึกสมาธิที่สำคัญ     ฝึกการเข้าจังหวะในการตีบอล   การควบคุมและบังคับทิศทางของบอล  และสุดท้ายเน้นกิจกรรมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกล้ามเนื้อในผู้ที่มีกล้ามเนื้ออ่อนแรง

จุดประสงค์ในการเรียน
เพื่อส่งเสริม บำบัดรักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพ ให้สามารถกลับไปดำรงชีวิตในสังคมได้
เพื่อช่วยเสริมสร้างสมาธิ ทักษะการคิด พัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็ก และการทำงานประสานกันของกล้ามเนื้อ ผ่านกิจกรรมการเรียนรู้ต่างๆ

การเล่นกีฬาเทนนิสบำบั
กีฬาเทนนิส ก็เป็นอีกหนึ่งแนวทางสำหรับท่านผู้ปกครองนะคะ ในการช่วยให้น้องๆมีพัมนาการทั้งด้านร่างกายและจิตใจที่แจ่มใสขึ้น พลานามัยดีขึ้น

      พัฒนาการด้านร่างกาย

ได้แก่ กล้ามเนื้อมัดเล็กและกล้ามเนื้อมัดใหญ่จะสามารถทำงานได้ดีขึ้นมีแรงและกำลังมากขึ้นด้วยวิธีฝึกที่ถูกวิธี


      พัฒนาการด้านจิตใจ

ดังเช่นแน่นอนว่าน้องๆจะรู้สึกสนุกอยากทำตามได้เคลื่อนที่ ได้ความแปลกใหม่ ใบหน้าเปื้อนยิ้ม ผู้ปกครองยิ้มได้


      พัฒนาการด้านสมอง

ในการเรียนและเล่นเทนนิสจะมีการสอดแทรกความรู้ของกีฬาเทนนิสสอดแทรก และให้น้องๆคิดตามคอย ถามคอยพูดกับเค้า น้องๆออทิสติกเหล่านี้ ต้องยอมรับเลยว่าเค้ามีความฉลา ยู่ภายในทุกคนอยู่แล้วเพียงแต่ยังไม่มีโอกาสได้เรียนรู้และทดลอง แล้วจะพบว่าเค้าเป็นเด็กที่น่ารัก พูดง่ายนะคะแต่อาจจะต้องมีวิธีการที่จะสื่อสารกับเค้าอย่างเข้าใจมากกว่า



อ้างอิงแหล่งที่มา
ทวีศักดิ์ สิริรัตน์เรขา. กิจกรรมบำบัด. [Online] 2549; Available from: URL: http://www.happyhomeclinic.com/occupationaltherapy.htm


วิธีการจัดการดูแลเด็กออทิสติกเมื่อเด็กดื้อ


วิธีการจัดการดูแลเด็กออทิสติกเมื่อเด็กดื้อ

การแสดงออกถึงพฤติกรรมก้าวร้าวของเด็กออทิสติกนั้นมีลักษณะ และความรุนแรงแตกต่างกันไป
โดยแบ่งได้เป็น 3  ประเภท  ที่พบเห็นได้บ่อยคือ
      1. ทำร้ายตนเอง  เช่น  ตีศีรษะ  โขกศีรษะกับพื้น  กัดมือตนเอง  กระแทกตัวกับเก้าอี้
      2. ทำร้ายผู้อื่น  เช่น  ตบหน้า  กัด ใช้นิ้วจิ้มตา  เตะถีบ  ดึงผม  ล็อคคอ  กระชากคอเสื้อ
      3. ทำลายสิ่งของ  เช่น  ล้มตู้  คว่ำถาดอาหาร  ทุ่มเก้าอี้  ขว้างปาข้าวของ

เทคนิคและวิธีการจัดการดูแลเด็กออทิสติกเมื่อเด็กดื้อ

1. ยอมรับอารมณ์ความรู้สึกของเด็กในขณะนั้น แต่ต้องไม่ยอมรับพฤติกรรมนั้น

2. หยุดพฤติกรรมนั้นทันทีเมื่อเห็นว่าเป็นอันตรายต่อเด็ก ผู้อื่น และทรัพย์สิน

3. แยกเด็กออกจากกลุ่มหรือสิ่งแวดล้อมที่เป็นอันตราย

4. พูดคุยปลอบโยน เข้าหาเด็กด้วยท่าทีสงบมั่นคง พูดด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล และไม่แสดงท่าทีคุกคามเด็กหรือตะโกนดุด่า

5. ค้นหาสาเหตุและปัจจัยกระตุ้นให้เกิดความก้าวร้าว แยกเด็กออกจากสิ่งเร้านั้น และตอบสนองความต้องการตามความเหมาะสม

6. การแสดงความก้าวร้าว บางครั้งอาจเกิดจากการเรียกร้องความสนใจ หากผู้ปกครองพิจารณาแล้วไม่เกิดอันตรายให้นิ่งเฉยไม่ต้องสนใจ ไม่นาน เด็กจะหยุดพฤติกรรมเอง

7. การผูกมัด ใช้ในกรณีที่เด็กมีความก้าวร้าวรุนแรงที่เป็นอันตรายต่อตนเองและผู้อื่นรวมทั้งทรัพย์สิน แต่อย่ามัดแน่นจนเกินไป และหมั่นตรวจดูบริเวณที่มัดไม่ให้เกิดรอยเขียวช้ำหรือบาดแผล

8. เมื่อเด็กสงบลง ชี้แจงเหตุผลที่ไม่ควรแสดงพฤติกรรมดังกล่าว และเหตุผลของการผูกมัด และตกลงเงื่อนไขกับเด็ก เช่น ถ้านั่งเฉยๆ ไม่อาละวาดอีก อีก 10 นาทีจะแก้มัดให้ และต้องทำตามข้อตกลงอย่างเคร่งครัด

9. ให้เด็กรู้จักรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ถ้าเด็กอาละวาด ขว้างปา
ข้าวของให้เด็กเก็บของนั้นเข้าที่ให้เรียบร้อย หรืออาจลงโทษเด็กโดยงดกิจกรรมที่เขาชอบในวันที่เด็กมีพฤติกรรมก้าวร้าว

10. จัดให้เด็กมีพฤติกรรมที่ฝึกการควบคุมตนเอง และได้ระบายอารมณ์อย่างเหมาะสม เช่น เล่นกีฬา ให้รับผิดชอบงานง่ายๆ เช่น เช็ดโต๊ะ

11. กล่าวคำชมเชย เมื่อเด็กสามารถควบคุมอารมณ์และแสดงออกได้อย่างเหมาะสม

12. ทำให้เด็กดูเป็นตัวอย่างในการไม่ใช้อารมณ์รุนแรงในการแก้ปัญหา

13. คอยสังเกตและป้องกันเหตุการณ์ที่คาดว่าจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว

14. ในบางรายที่มีพฤติกรรมก้าวร้าวรุนแรงมากอาจปรึกษาแพทย์ เพื่อพิจารณาให้ยาเพื่อลดและควบคุมพฤติกรรม
คำว่า “ ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก ” นั้นใช้ได้กับทุกคนไม่เว้นแต่เด็กออทิสติก ดังนั้นพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เหมาะสมของเด็กนั้น พ่อแม่ ผู้ปกครอง ควรตระหนักถึงความสำคัญ และช่วยกันแก้ไข วิธีการดังกล่าวข้างต้นอาจใช้ไม่ได้ผลกับเด็กทุกคน ทุกข้อ ไม่มีข้อใดผิดข้อใดถูก ต้องปรับใช้ผสมผสานกันไปให้เหมาะสมกับตัวเด็กและครอบครัวซึ่งอาจได้ผลบ้างไม่มากก็น้อย เพื่อเป็นการช่วยเหลือให้เขาเป็นเด็กออทิสติกที่น่ารักของทุกคนต่อไป


ขอขอบคุณ อ้างอิงข้อมูลจาก: http://www.yuwaprasart.com โรงพยาบาลยุวประสาทไวทโยปถัมถ์